มีหน้าที่

น้ำกำลังจะท่วมอย่างหนัก คืนนี้ต้องเดินทางไปให้ถึงอำเภอโกสุมพิสัย บ้านของแม่ที่มหาสารคาม แม่บอกว่าแม่คงดูแลคนเดียวไม่ไหวแล้ว ที่นา ยุ้งฉางมันเป็นของเรา เรามีหน้าที่ รักษามรดกของตายาย ทุกปีที่ผ่านมา น้ำไม่เคยมามากอย่างนี้เลย วันเกิดปีนี้คงต้องงดทำบุญเสียก่อน เพราะชาวบ้านที่ขออาศัยเช่าที่นาของแม่ แล้วมีบ้านอยู่ใกล้เคียงกำลังเดือดร้อนกันอย่างที่สุด คนงานในสวนของแม่ที่ติดกับที่นา หลายครอบครัวไม่สามารถอพยพออกมาได้ ตอนรับโทรศัพท์จากแม่ เราไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเราเป็นคนสำคัญ ขนาดที่ว่าจะต้องลงไปหรือไม่ แต่มีคนงานสูญหายและไม่ยอมออกมาจากบ้านเพราะพวกเค้าต่างห่วงบ้านเรือน เรา …ซึ่งเป็นนายจ้างควรต้องไปจัดการทุกอย่าง เราคิดอย่างนั้น รวมถึงต้องเป็นคนติดต่อกับทางอำเภอ เพราะชาวบ้านที่นั่นรู้ดีว่าเราเป็นหลานคนเดียวที่ ครูใหญ่วนิช คฺณตาของเรายกที่นา และสวนให้ดูแลทั้งหมด อีก 2 วันเราจะอายุครบ 32 แล้วไม่ใช่เด็กๆแล้ว เราจะต้องมีหน้าที่ดูแลคนงานเก่าของตาให้ปลอดภัยให้มากที่สุด รวมทั้งเงินช่วยเหลือ ที่พักชั่วคราว เราต้องเป็นคนตัดสินใจ น้ำกำลังจะมาจากแม่น้ำชีอีกแค่ 2 วัน ไปคืนนี้จะทันมั้ยนะ รู้สึกแปลกๆใจสั่นๆ ไม่เคยคิดเลยว่าชาวบ้าน คนงาน จะเห็นเราเป็นที่พึ่งขนาดนี้ เราตัดสินใจให้กำนันเปิดทางน้ำลงบึงบอน ที่ติดกับที่นา เผื่อจะยื้อเวลาได้บ้าง ปีนี้ราคาข้าวตกต่ำจนหัวใจชาวนาแตกสลาย แล้วน้ำท่วมหนักขนาดนี้ พวกเค้าจะเอาค่าเฆ่าที่นามาจากไหน แม่กับคดตรงกัน บ้านเราให้ชาวบ้านเข้ามาทำนาได้ก็ไม่ได้หวังค่าเช่าตั้งแต่แรก ชีวิตต่างหากที่สำคัญ ตอนนี้เราจะหลับหูหลับตาไม่ยอมรับรู้ไม่ได้ว่าเรามีคนงานหลายครัวเรือนที่ต้องให้การช่วยเหลือ กรรมการอำเภอโกสุมพิสัยคือปัญหาใหญ่ในตอนนี้ เราเนี้ยนะ ที่ถูกเลือกแล้วจากชาวบ้านให้เป็นปากเสียงสำคัญ ที่จะต้องแก้ไขกับทัศนคติของกรรมการอำเภอ เราเป็นคนบ้านนี้ เป็นคนบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสกว่าคนอื่น เราควรทำอะไรบ้างให้กับชาวบ้านกลุ่มเล็กๆที่ในยามปีใหม่ สงกรานต์ ลุงป้า ตายายเรียกทักทายกันทั้งหมู่บ้าน เรายกมือไหว้ตามคำแม่ ทั้งที่นึกไม่ออกว่ารู้จักตายายเหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตาชวนเป็นท่านหนึ่งที่แม่ให้กราบ แกไม่ใช่ญาติของเราหรอก แกเป็นคนงานของตา แม่บอกว่าเราเคยตกน้ำ ทุกคนตกใจทำอะไรไม่ถูก มีแต่ตาชวนแค่คนเดียวที่ลงไปช่วยเราขึ้นมา ตอนนั้นแม่บอกว่าพ่อไม่อยู่ไปประชุมในตัวจังหวัด ทางลูกรังเล็กๆที่มุ่งไปยังอนามัย ตาชวนอุ้มเราขึ้นหลังแล้ววิ่งด้วยเท้าเปล่าจากบ้านไปจนถึงอนามัย ตาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา แกไม่ยอมทิ้งบ้านที่อยู่ในไร่ แม่บอกเราน่าจะเป็นคนเดียวที่จะขอร้องให้ตาออกมาได้ แล้วมันจะทันไหมเล่า น้ำชีที่เคยแห้ง กำลังจะเทเข้ามาแล้ว นาและสวนของเราเป็นด่านแรกที่น้ำจะเข้ามาก่อนจะถึงคุ้มใต้ เพราะที่มันติดกับแม่น้ำชีพอดี
ขณะกำลังเขียนบล็อกอยู่นี้กำลังจะขึ้นเครื่องไปลงที่สนามบินขอนแก่น แล้วตรงไปโกสุมพิสัยทันที ที่นี่คือที่เกิด ที่เล่นตั้งแต่เด็กๆ หัดขี่ควายตอนสิบขวบกับคุณตา ตรงแปลงนาตรงนี้เลย ช่วยตาเผาถ่านตอนฤดูหนาวก็ตรงคันนาตรงนี้แหละ ตาหาไม้ยางยูคาลิปตัสเนื้อนี้ทำหนังสติ๊กให้เราก็ที่นี่ ที่นาสิบกว่าไร่ตรงนี้สำคัญมาก อย่างน้อยตอนหน้าแล้งตายังให้ชาวบ้านที่ไม่มีที่เป็นของตัวเองปลูกพืหน้าแล้งไว้ขายกินได้ ใครต่อใครมาขอแบ่งซื้อ เราไม่เคยเห็นแม่ขายให้ใคร คิดเอาแล้วกัน เมื่อตากับแม่ยกให้เราแล้วเรามีหนาที่ต้องดูแลมันรวมถึงคนงานของเราด้วย คงไม่ได้ฉลองวันเกิดที่นี่ คงไม่ได้ไปสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ บางทีอาจจะกลับมาไม่ทันด้วยซ้ำ ยังไม่ยิ้มให้เอ๋เลย แต่เราต้องไปแล้วล่ะ ไปเพื่อชาวบ้านที่ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ เราอยากเจอเอ๋เสมอ แต่เรารู้ว่าเราอยากเจอตาชวนมากกว่า ถ้าไม่มีตาอาจจะไม่มีเรา เราอยากแสดงความยินดีกับเอ๋เสมอ และเราอยากไปร่วมทุกข์กับคนงานบ้านเราด้วย เราจะนอนสบายอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นได้ยังงัย เมื่อวานเรายังไม่อาจคาดเดาถึงความรุนแรงได้ แต่ก็ส่งกำลังใจผ่านข้อความรวมน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วมกับเค้าอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เราจะส่งเพียงข้อความไม่ได้แล้ว เราต้องลงไปลุยในพื้นที่ด้วยตัวเองจริงๆ ในอีก 45 นาทีเครื่องจะลงที่สนามบินขอนแก่น เราเร่งฝีนิ้วจิ้มแป้นโทรศัพท์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออัพบล็อกและอยากเล่าให้เอ๋อ่าน ให้ทันก่อนที่จะต้องขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่นาที นักเขียนคนเก่งของเราขอให้นายทำหน้าที่ ที่นี่ให้ดีที่สุด และเราผู้อ่านที่ไม่มีเวลาไปต่อคิวขอลายเซ็น (นั่นแน่ะแอบทำหน้าสบายใจที่ไม่ต้องเจอ)เราก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โชคดี
Posted by Wordmobi

ใส่ความเห็น